จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562

‘Ka-Yha’ (คะ-หยา) คาเฟ่ขนมหวาน ปรับลุคให้เข้ากับยุคสมัย สร้างมูลค่าสังขยาไทย







ไม่ธรรมดา ‘Ka-Yha’ (คะ-หยา) คาเฟ่ขนมหวานแบบไทยๆ กับเคล็ดลับความอร่อยที่ไม่เหมือนใคร นำ ‘สังขยา’ สูตรคุณยาย มาปรับลุคให้เข้ากับยุคสมัย สร้างมูลค่าสังขยาไทย
ต้องยอมรับเลยว่าปัจจุบันร้านคาเฟ่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นอย่างมาก แต่ใครล่ะจะคิดว่าขนมหวานแบบไทยๆ อย่าง ‘สังขยา’ จะมีคาเฟ่กับเขาด้วย ใช่แล้ว! วันนี้ MThai ได้มีโอกาสไปลิ้มรสความอร่อยที่ร้าน ‘Ka-Yha’ (คะ-หยา) คาเฟ่สังขยา สูตรคุณยาย ที่ส่งต่อถึงลูกหลานให้ได้นำมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัย จนสร้างมูลค่าให้กับขนมหวานแบบไทยๆ อย่างมหาศาลเลยทีเดียว
ทั้งนี้ คุณนนท์ เจ้าของร้าน ‘Ka-Yha’ (คะ-หยา) เล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า สูตรสังขยาใบเตย ที่ร้านเป็นสูตรของคุณยายอนงค์ ที่ตนทานมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งอร่อยมากไม่ว่าตนจะไปทานที่ไหนก็ไม่ถูกใจเท่าของคุณยาย จึงเกิดเป็นความคิดที่อยากจะลองทำออกมาให้คนอื่นๆ ได้ทานสังขยาอร่อยๆ แบบตน แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ตนจึงนำมาปรับให้เข้ากับความต้องการของคนสมัยนี้ ออกแบบคาเฟ่ และคิดค้นสูตรสังขยาใหม่ๆ ที่ไม่ได้มีแค่ใบเตย แต่รวมไปถึง สังขยาชาไทย , สังขยาเผือก , สังขยาฟักทอง นอกจากนี้ยังนำมาอะแด๊ปให้เข้ากับขนมยุคนี้อีกด้วย เช่น Toast , ปังเย็น , เครป
แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะง่ายไปหมด กว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ลองผิดลองถูกมาเยอะ โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับของกิน อุปสรรคที่ทุกร้านต้องเจอคือ ทำอย่างไรให้อร่อย สด ใหม่ เสมอ ดังนั้นร้านของเราจึงเหลือใช้วัตถุดิบที่ดี ทำใหม่ทุกวัน อบขนมปังเองและแจกจ่ายตามสาขา เพราะเคยรับมาแล้วไม่โอเค ส่วนตัวสังขยา เราก็เลือกใช้กะทิที่มีคุณภาพ เป็นสูตรสำคัญของคุณยาย

คุณนนท์ ยังรอด เจ้าของร้าน ‘Ka-Yha’ (คะ-หยา)
“จริงๆ แล้วหลายคนคงอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ถ้าแค่คิดอย่างเดียว ไม่ลงมือทำมันก็ไม่เกิด ไม่ว่าจะเล็ก จะน้อย จะใหญ่ แต่ถ้าเรามีไอเดีย ก็น่าจะลองทำ เมื่อเราเริ่มลงมือโอกาสสำเร็จก็ยิ่งใกล้เข้ามา แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยโอกาสสำเร็จมันก็ศูนย์ ไม่มีค่าอะไรเลย การทำธุรกิจทุกอย่างมันมีอุปสรรคอยู่แล้ว เราต้องอดทนกับมันและผ่านมันไปให้ได้”
สำหรับใครที่อยากเข้าไปลองลิ้มรส ‘สังขยา’ สูตรคุณยาย ที่นำมาปรับให้เข้ากับยุคสมัย มีทั้ง ขนมปังสังขยาใบเตย-ชาไทย , Kayha Toast , ปังเย็นคะหยาเรนโบว์ , Kayha Lava , ปังเย็นชาไทย และเครื่องดื่มอีกมากมาย สามารถเดินทางไปได้ถึง 3 สาขาใกล้บ้าน ได้แก่…
1. สาขาปากเกร็ด บริเวณหน้าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี (มีที่จอดรถ) เบอร์โทรศัพท์ : 02-964-2346 เวลาเปิดบริการ : 10.30-21.00
2. สาขาเมืองเอก รังสิต ปทุมธานี ใกล้มหาวิทยาลัยรังสิต (มีที่จอดรถด้านหลัง) เบอร์โทรศัพท์ : 02-045-7280 เวลาเปิดบริการ : 12.30-23.00
3. สาขาโชคชัย 4 อยู่ระหว่าง โชคชัย 4 ซอย 37 และ ซอย 35 (จอดรถในซอย 37) เบอร์โทรศัพท์ : 02-086-6966 เวลาเปิดบริการ : 14.00-24.00

วิธีเพาะเชื้อเห็ดปลวก หรือเห็ดโคน เพาะเองได้ง่ายๆ เพาะกินได้ เพาะขายก็รวย!







สวัสดีคุณเกษตรกรทุกท่าน หลายคนอาจกำลังอาหารอะไรทำว่างๆ แล้วได้เงิน วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ทุกท่านไปรู้จักกับวิธีการ“เพาะเห็ดปลวก” บอกเลยว่าทำง่ายมากใครๆ ก็สามารถทำได้แถมยังเอาไปขายได้กำไรงามอีกต่างหาก
โดยธรรมชาติแล้วเห็ตปลวกที่เติบโตได้ดีจะต้องมีความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะ โดยวันนี้เอาเราจะพาเพื่อนๆ ไปทำที่ละขั้นตอนเลย ไม่ยากอย่างที่คิดไปชมกันเลยค่ะ
วิธีเพาะเห็ดปลวก หรือเห็ดโคน
“เห็ดปลวก”  เป็นเห็ดโคนที่เติบโตได้ดีในสภาพธรรมชาติ ความชื้นและอุณหภูมิที่พอเหมาะ เนื่องจากจอมปลวกเป็นแหล่งที่มีความชุ่มชื้นที่เหมาะสม
เมื่อฝนตกทำให้ปลวกทำการอพยพออกจากรังเดิม ก็จะปรากฎตุ่มดอกเห็ดเล็กๆ ทำให้เห็ดที่โตจากจอมปลวกนั้น เป็นดอกเห็ดที่มีคุณภาพ ความชุ่มชื้นสูง
โดยปกติแล้ว เห็นโคน ค่อนข้างหายาก และออกผลผลิตให้ทานปีละครั้ง ทำให้มีราคาแพง มีรสชาติหวานอร่อยกว่าเห็ดอื่นๆ ปรุงง่ายเพียงต้มกับเกลือก็ได้น้ำต้มเห็ดรสหวานตามธรรมชาติ นอกจากนำไปต้มกับน้ำเกลือแล้วเราอาจนำเห็ดโคนไปประกอบอาหารที่หลากหลาย

เตรียมส่วนประกอบ ดังนี้
1. ข้าวเจ้าหุงสุกแล้ว 1 กก.
2. จาวปลวก (รังปลวก) เท่ากำปั้น 1 จาว
3. น้ำ 20 ลิตร
วิธีทำ
1. ผสมข้าวสุกกับจาวปลวกคลุกเคล้าให้เข้ากัน เสร็จแล้วหมักใส่น้ำเปล่า 20 ลิตร ทิ้งไว้ในที่ร่มประมาณ 7-10 วัน
2. เมื่อครบกำหนดตามขั้นตอนแรกแล้ว จะปรากฎเห็นผิวน้ำที่หมักเป็นลักษณะขึ้นฝ้าสีขาว ให้นำไปราดลงตรงจอมปลวกหรือใกล้ๆ จอมปลวก (ใส่บัวรดเลยครับ) คุมด้วยฟางหรือเศษหญ้าแห้ง รดน้ำให้ชุ่มเสมอ ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 วัน เห็ดจะเริ่มโผล่ออกมาให้เก็บ

ตลอดปี ยิ่งรดโดนตัวปลวกเลยยิ่งดีเพราะตัวปลวกจะนำเชื้อเข้าสู่รังและกระจายเชื้อในรังทั้งจอมปลวกออกตลอดทั้งปีถ้ารดน้ำให้ความชื้น
นิดหนึ่งครับ ขั้นตอนทั้งหมด สิ่งสำคัญมี 3 อย่างครับ เป็นขั้นตอนการเตรียมหัวเชื้อ
1. จาวปลวก (รังปลวกใหญ่)
2. ข้าวจ้าวหุงสุก
3. น้ำสะอาดที่ไม่
มีสารคลอรีน (คลอรีนจะเป็นตัวทำลายเชื่อที่เราเพาะเลี้ยง) ถ้าจะเอาน้ำประปาทำต้องเปิดน้ำทิ้งไว้ในถัง 18-20 ชั่วโมง เพื่อให้สารคลอรีนใน น้ำประปาละเหย ออกก่อนครับ

การเพราะเห็ดโคนหรือเห็ดปลวก ในรูปแปลงเพราะหรือแปลงปลูก ยังไม่สามารถเพราะได้ แต่สูตรนี้เป็น สูตรการทำน้ำหมักอีกหนึ่งสูตรจากจาวปลวก(รังปลวก)แล้วเจ้าของสูตร ได้ทดลองเอาน้ำหมักที่ได้ ลองไปรดที่จอมปลวก(โพนปลวก)แล้วเอาหญ้าแห้งปกทิ้งไว้
เวลาผ่านไป 7-14 วัน ได้ไปเปิดฟาง(หญ้าแห้ง) ออกเจอเห็ดปลวกเกิดขึ้นมา
ประโยชน์และสรรพคุณของเห็ดโคน
– ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงมีพละกำลัง
– ช่วยทำให้ร่างกายเจริญอาหาร
– แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเวียนศีรษะ
– ช่วยให้เสมหะเหนียวๆ ที่ติดอยู่ในลำคอละลายออกมาได้
– ช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรัง
– ช่วยยับยั้งเชื้อโรคอย่างไทฟอยด์ หรือไข้รากสาดน้อย ซึ่งเป็นแบคทีเรียร้ายไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย
– ทำให้ระบบการทำงานของกระเพาะอาหารสามารถย่อยได้ดี
ซึ่งจะเห็นได้ว่าเห็ดโคนนี้มีคุณค่ามากมายเลยทีเดียว และที่สำคัญสำหรับรสชาตินั้นยังจัดว่าหวานและอร่อยมากกว่าเห็ดชนิดอื่นๆ อีกด้วย
แต่สามารถหารับประทานกันได้เพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้นในช่วงฤดูฝน และด้วยความที่ป่าธรรมชาติที่ค่อยๆ ลดลงไปในปัจจุบัน ทำให้เห็ดโคนเริ่มกลายเป็นของหายากและมีราคาแพง
ขอบคุณที่มา : www.item2day.com/วิธีเพาะเชื้อเห็ดปลวก-ห.html

'ผักหวานป่า' พืชผักสวนครัว หากินง่าย สร้างรายได้ดี





พื้นที่ไร่ครึ่งปลูกพืช 10 ชนิด สร้างรายได้เดือนละครึ่งแสน ทำยังไงต้องดู...
SME ชี้ช่องรวย (smechannel)
สนับสนุนเนื้อหา
พื้นที่ไร่ครึ่งของเกษตรกรใน จ.นครปฐม สร้างรายได้เฉลี่ยเดือนละครึ่งแสน จากการทำเกษตรประณีต ใช้เคมีน้อย โดยปลูกพืช 10 ชนิดเต็มพื้นที่เป็นชั้นๆ สลับเก็บผลผลิตหมุนเวียนขาย มีรายได้รายวัน-รายเดือนตลอดปี
ต้นสักทอง 700 ต้นปลูกเป็นแนวให้ต้นพลูได้เกาะเกี่ยว เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และสูงตามต้นสัก ให้ผลผลิตมากกว่าการปลูกต้นพลูเกาะต้นทองหลางแบบเดิม เกษตรกรชัยยาบอกว่า ต้นทองหลางขึ้นรกและไม่ให้ประโยชน์ ส่วนต้นสักใบใหญ่ให้ร่มเงาดี ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้านล่างยังสามารถปลูกส้มโอ มะนาว และใบชะพลูได้เต็มพื้นที่ไร่ครึ่ง รดน้ำให้ปุ๋ยครั้งเดียวก็ถึงพืชทุกชนิด และได้ผลผลิตหมุนเวียนขาย โดยชะพลูเก็บขายได้ทุกวัน วันละ 30-40 กิโลกรัม ส่วนใบพลูให้รายได้ทุกเดือน
ร่องสวนปลูกเตยหอม รอบบ้านปลูกผักสวนครัว เช่น พริก กะเพรา โหระพา แมงลัก สะระแหน่ ทั้งหมดใช้ปุ๋ยชีวภาพและสารสกัดธรรมชาติไล่แมลง เก็บขายได้ทุกวัน ส่งให้แม่ค้าในหมู่บ้านไปจำหน่ายในตัวเมืองนครปฐม รวมปลูกพืช 10 ชนิด ให้รายได้เฉลี่ยเดือนละ 50,000-60,000 บาท
กำนันตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี ยกสวนนี้เป็นตัวอย่างการทำเกษตรประณีตแบบธรรมชาติ ใช้สารเคมีน้อย ปลูกพืชหลากหลายชนิดในแปลงเดียวกัน ซึ่งช่วยลดต้นทุน ใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มที่ และสร้างรายได้ต่อเนื่อง เหมาะกับตำบลแหลมบัว ซึ่งเป็นพื้นที่ดินดำน้ำชุ่ม หากเกษตรกรทุกรายยึดแนวทางจะไม่เป็นหนี้ และไม่จำเป็นต้องขายที่ทำกิน
ประชากร 70 เปอร์เซ็นต์ของตำบลแหลมบัว เป็นเกษตรกร ขณะนี้เกินครึ่งหันมาใช้สารชีวภาพมากขึ้น จากเดิมใช้สารเคมีเพียงอย่างเดียว แต่ละรายมีพื้นที่เฉลี่ย 5 ไร่ และกำลังเดินไปสู่เกษตรผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เป็นแหล่งผลิตเกษตรยั่งยืน อาหารปลอดภัยอีกแห่งหนึ่ง.

ขอบคุณที่มา : https://www.sanook.com/money/276925/